สร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัว เอง และ ครอบครัว

    โดยสินค้าการเงิน เน้นการรักษาเงินต้น เงื่อนไขผลตอบแทนแน่นอน ชัดเจน

  • ครอบคลุม รายได้ของครอบครัว

  • มีปันผล ออกมาแน่นอน

  • เน้นระยะยาว หรือ เพื่อเกษียณ

ความเสี่ยงต่ำ  ประมาณการณ์ผลตอบแทน 3-5 %  โดยจัดพอร์ตให้มีการกระจายการลงทุนที่เหมาะสม

Smartfinn: คือ “Matching Platform การขายฝากอสังหาฯ กับนักลงทุน เพื่อเพิ่ม ทางเลือกในการลงทุน และช่วย SME ให้มีสภาพคล่อง” สมาร์ทฟินน์ เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ P2P (Person to Person Lending) เป็นสมาชิกสมาคม Fintech (Thailand) โดยมีจุดประสงค์ที่จะสร้างความเป็นธรรมในระบบการขายฝากในประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SME ไทย ในอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้เคียงกับสถาบันการเงิน และระยะเวลาขายฝากที่เหมาะสม ให้ SME ไทยสามารถดำเนินธุรกิจหรือขยายธุรกิจต่อไปได้ ในอีกมุมหนึ่ง สมาร์ทฟินน์ ช่วยเพิ่มอัตราผลตอบแทนของฝั่งนักลงทุนมากถึง 9 – 12 % ต่อปีโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ประเมินคุณภาพและมูลค่าตามหลักเกณฑ์ของบริษัทพันธมิตรในการกำกับของ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)

การขายฝาก คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมาย มีกฎหมายคุ้มครองทั้งผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝาก (นักลงทุน) โดยการขายฝากคือการซื้อขายทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้ซื้อฝากทันทีที่มีการทำสัญญา แต่มีเงื่อนไขตกลงว่าผู้ขายฝากสามารถไถ่ทรัพย์สินคืนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดและวงเงินที่ตกลงกัน และต้องทำสัญญาต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดินที่สำนักงานที่ดินเท่านั้น

การขายฝากอสังหาริมทรัพย์นั้น มีกฎหมายคุ้มครองทั้งผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝาก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 – 502

การขายฝากอสังหาริมทรัพย์จะมีการเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองหลังโฉนดเป็นของผู้รับซื้อฝากโดยมีกำกับว่า “ขายฝาก” รวมถึงระบุระยะเวลาขายฝาก
มีการทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่กรมที่ดินของเขตพื้นที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้น ถ้าถึงกำหนดไถ่ถอนแล้วผู้ขายฝากไม่มาไถ่ถอน ทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที แต่การ”จำนอง”ทรัพย์สินจะยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับจำนองโดยทันที หากผิดนัดชำระหนี้ต้องมีการฟ้องร้องบังคับคดีให้ทางศาลยึดทรัพย์

หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ ที่ถูกกำหนดให้ออกโดยภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนไปใช้ในกิจการต่างๆ ตามแผนงานของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการขยายกิจการ ขยายสาขา ซื้อที่ดินเพื่อสร้างโปรเจกต์ใหม่ๆ เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ที่วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด เป็นต้น

ซึ่งในประเทศไทยจะกำหนดการออกหุ้นกู้ไว้หน่วยละ 1,000 บาท โดยส่วนใหญ่จะกำหนดการลงทุนขั้นต่ำที่ 100,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขของแต่ละหุ้นกู้ ทั้งนี้ผู้ที่เลือกลงทุนหุ้นกู้จะได้รับดอกเบี้ยตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้  และจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุของหุ้น 

ถูกแบ่งออกเป็น 5 ประเภทที่สำคัญดังนี้

  1. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ

    คือ หุ้นกู้ที่หากผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้ประเภทนี้จะมีสิทธิในการเรียกร้องสินทรัพย์ ในอันดับที่ด้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญรายอื่น

  2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

    คือ หุ้นกู้ที่หากผู้ออกตราสารหนี้ล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้ประเภทนี้จะมีสิทธิในการเรียกร้องสินทรัพย์จากผู้ออกตราสาร ทัดเทียมกับเจ้าหนี้สามัญรายอื่นๆ และสูงกว่าผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ

  3. หุ้นกู้แปลงสภาพ 

    คือ หุ้นกู้ที่นักลงทุนสามารถเปลี่ยนจากหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญของบริษัทผู้ออกได้ตามราคาที่กำหนด โดยบริษัทผู้ออกจะออกหุ้นสามัญในจำนวนที่มีมูลค่าเท่ากับตราสารหนี้ที่ถืออยู่ สถานะของนักลงทุนจึงเปลี่ยนจากเจ้าหนี้เป็นเจ้าของ

  4. หุ้นกู้ชนิดมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

    คือ หุ้นกู้ที่ผู้ออกตราสารหนี้ นำสินทรัพย์มาค้ำประกันการออกหุ้นกู้ และผู้ถือจะมีสิทธิในสินทรัพย์ที่วางค้ำประกันนั้นเหนือเจ้าหนี้สามัญรายอื่นๆ

  5. หุ้นกู้ชนิดที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

    คือ หุ้นกู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ วางไว้ ซึ่งหากผู้ออกตราสารล้มละลายต้องทำการแบ่งสินทรัพย์กับเจ้าหนี้รายอื่นตามสิทธิและสัดส่วนที่ถือ

วางแผน  ณ ปัจจุบัน ได้เกษียณสดใสในอนาคต

  • ออมเงินด้วยจำนวนที่เท่าๆกันทุกปี

  • ไม่ต้องตรวจสุขภาพ

  • เริ่มสมัครได้จนถึงอายุ 55 ปี

  • คำนวนเงินที่ต้องออม และ เงินที่จะได้รับในอานคต ได้ชัดเจน

  • เมื่อครบ 55-60 จะมีเงินออกมาตามเงื่อนไข จนถึงอายุ85-90  (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข)

  • ระหว่างทางที่ออมเงิน ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดปีละ 2 แสนบาท

  •  เพศชาย 6.25 % ของมูลค่าบำนาญตั้งต้น 

  • เพศหญิง 5.95% ของมูลค่าบำนาญตั้งต้น